เงินบาทแข็งค่า ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์
5 กันยายน 2567 เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว ในอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1 ดอลลาห์สหรัฐเท่ากับ 33.67 บาท เมื่อเกิดเหตุการณ์เงินบาทแข็งค่าขึ้น จะมีผลอย่างไรกับคนไทย
Contents
เมื่อเงินบาทแข็งค่า หมายถึงมูลค่าของเงินบาทเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบกับกลุ่มต่าง ๆ
ผู้ที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า
- ผู้นำเข้าสินค้า
เมื่อเงินบาทแข็งค่าขึ้น ผู้นำเข้าสามารถซื้อสินค้าจากต่างประเทศได้ในราคาถูกลง เนื่องจากต้องใช้เงินบาทน้อยลงในการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ ส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าลดลง เช่น สินค้าเทคโนโลยี วัตถุดิบ และพลังงาน- ตัวอย่าง: บริษัท ABC นำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากสหรัฐอเมริกา สินค้าที่นำเข้าเดิมมีมูลค่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
- เมื่อเงินบาทแข็งค่า: เดิมอัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 35 บาท หมายถึง ABC ต้องจ่าย 35,000 บาทเพื่อซื้อสินค้านี้ หากเงินบาทแข็งค่าเป็น 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 32 บาท ABC จะจ่ายเพียง 32,000 บาท ทำให้บริษัทจ่ายน้อยลง 3,000 บาท หรือ 8.6% ส่งผลให้ต้นทุนสินค้าลดลงและสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น
- นักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ
คนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศจะใช้จ่ายน้อยลงในเรื่องค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว เช่น ค่าที่พักและค่าอาหาร เนื่องจากการแลกเปลี่ยนเงินมีอัตราที่ดีกว่า- ตัวอย่าง: คุณสมชายมีแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่น และต้องการแลกเงินเยน เดิมอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 เยน = 0.3 บาท
- เมื่อเงินบาทแข็งค่า: หากเงินบาทแข็งค่าขึ้น อัตราแลกเปลี่ยนอาจเปลี่ยนเป็น 1 เยน = 0.27 บาท หมายความว่าคุณสมชายสามารถแลกเงินเยนได้มากขึ้นจากจำนวนเงินบาทที่เท่าเดิม ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว
- บริษัทที่มีหนี้สินในสกุลเงินต่างประเทศ
บริษัทที่กู้เงินในสกุลเงินต่างประเทศจะได้รับประโยชน์ เพราะเมื่อเงินบาทแข็งค่า เงินที่ต้องชำระคืนในสกุลเงินต่างประเทศจะถูกลง
ผู้ที่เสียประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า
- ผู้ส่งออกสินค้า
เมื่อเงินบาทแข็งค่า สินค้าจากไทยจะมีราคาสูงขึ้นในตลาดต่างประเทศ ทำให้มีความสามารถในการแข่งขันน้อยลง ยอดขายอาจลดลง เช่น กลุ่มเกษตรกรรม อุตสาหกรรมการผลิต- ตัวอย่าง: บริษัท XYZ ส่งออกข้าวไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา โดยเดิมขายข้าวในราคาตันละ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตอนที่อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 ดอลลาร์ = 35 บาท บริษัทจะได้รับ 35,000 บาทต่อตัน
- เมื่อเงินบาทแข็งค่า: หากค่าเงินบาทแข็งขึ้นเป็น 1 ดอลลาร์ = 32 บาท บริษัทจะได้รับเงินเพียง 32,000 บาทต่อตัน ทำให้รายได้จากการส่งออกลดลง และบริษัทอาจต้องปรับราคาสินค้าให้สูงขึ้นเพื่อชดเชยส่วนต่าง ซึ่งอาจทำให้แข่งขันในตลาดโลกได้ยากขึ้น
- อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศ
เมื่อเงินบาทแข็งค่า นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องจ่ายเงินมากขึ้นในการแลกเปลี่ยนเงินบาท ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในไทยสูงขึ้น จึงอาจทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง- ตัวอย่าง: โรงแรม DEF พึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติใช้งบประมาณ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐในการเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย
- เมื่อเงินบาทแข็งค่า: หากค่าเงินบาทแข็งค่าจาก 1 ดอลลาร์ = 35 บาท เป็น 32 บาท นักท่องเที่ยวจะได้รับเงินบาทน้อยลงเมื่อต้องแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ทำให้ค่าใช้จ่ายในไทยดูแพงขึ้น นักท่องเที่ยวอาจเลือกที่จะเดินทางไปประเทศอื่นแทน หรือใช้จ่ายน้อยลงในไทย ส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยว
- นักลงทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ
การแข็งค่าของเงินบาททำให้มูลค่าการลงทุนในต่างประเทศลดลงเมื่อแปลงกลับมาเป็นเงินบาท การได้รับผลตอบแทนจึงอาจลดลงเมื่อเทียบกับช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อน
สรุปแล้ว การแข็งค่าของเงินบาทเป็นผลดีกับผู้นำเข้าและนักท่องเที่ยวไทย แต่ส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกและอุตสาหกรรมที่พึ่งพานักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ