กรุงเทพฯ – เงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นจนแตะระดับ 34.13 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบปี ที่ผ่านมา ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและกระแสการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างชาติ
เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2567 อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นไปอยู่ที่ 34.13 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นการแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ ปลายปี 2566 โดยผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการแข็งค่าครั้งนี้เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของการส่งออก และการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย
ปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจไทยแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในภาคการส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของตลาดโลก รวมถึงการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาคึกคักหลังจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในค่าเงินบาทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
การไหลเข้าของเงินทุนจากต่างชาติ
นักลงทุนต่างชาติเพิ่มการลงทุนในตลาดทุนไทย เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจไทยยังคงมีศักยภาพในการเติบโตและเป็นหนึ่งในตลาดที่มีความเสี่ยงต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ทำให้เกิดการไหลเข้าของเงินทุน ส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามมา
การจัดการนโยบายทางการเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทยยังคงดำเนินนโยบายการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทและเศรษฐกิจโดยรวม โดยการจัดการนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมและการบริหารเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ค่าเงินบาทคงความแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ค่าเงินบาทอาจมีแนวโน้มผันผวนตามการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ และสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังคงไม่แน่นอน